สำหรับการเปลี่ยนแปลงใน iPhone 13 จะมีดีไซน์ที่คล้ายกับ iPhone 12 ทั้ง 4 รุ่นเช่นเดิม แต่มีความหนาขึ้น 0.26 มม. โดยโมดูลกล้องหลังจะเปลี่ยนไปให้คล้ายกับ iPad Pro มี LiDar Scanner ทุกรุ่น และกล้องหลังจะมีระบบกันสั่นไหว Sensor-Shift ทุกรุ่น ขณะที่รอยบากด้านหน้าจอมีขนาดเล็กลง
ทั้งนี้ iPhone 13 (หรืออาจจะแค่รุ่น Pro) จะมี Touch ID ในหน้าจอ รวมถึงการตัดพอร์ตออกทั้งหมด โดยจะใช้เป็นแบบไร้สาย 100% รวมถึงใช้หน้าจอแสดงผลที่รองรับ Refresh Rate 120Hz และอาจได้ใช้งาน Always On Display ได้
**สำหรับการเปิดตัว iPhone 13 คาดว่าจะกลับมาอยู่ในเดือนกันยายนตามปกติครับ
Comments